ขจัดความรกรุงรังในบ้าน ด้วยฮวงจุ้ย (ตอนที่ 4)

ความรกรุงรังคืออะไรกันแน่

พจนานุกรมของอ็อกซ์ฟอร์ดนิยามความรกรุงรังไว้ว่าเป็น "กลุ่มสิ่งของที่แออัดยัดเยียดกันอย่างไร้ระเบียบ" ใช่ นั่นคือความหมายส่วนหนึ่ง แต่มันอธิบายความรกรุงรังในเชิงรูปธรรมเท่านั้น

สำหรับฉัน ความรกรุงรังมีอยู่สี่ประเภท ดังนี้
+ สิ่งที่คุณไม่ใช้หรือไม่รัก
+ สิ่งที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย
+ การมีสิ่งของมากเกินไปในพื้นที่ที่เล็กเกินไป
+ สิ่งใดก็ตามที่ยังคั่งค้าง


ลองมาดูกันทีละประเภท คุณจะได้ไม่สงสัยว่าตัวเองควรมุ่งกำจัดสิ่งใดขณะที่อ่านหนังสือเล่มนี้



สิ่งที่คุณไม่ใช้หรือไม่รัก
สิ่งที่คุณรัก ยังใช้อยู่ และพึงพอใจ จะมีพลังงานที่รุนแรง มีชีวิตชีวาและสดใสอยู่รอบ ๆ ซึ่งจะช่วยให้พลังงานในพื้นที่นั้น ๆ ไหลผ่าน และไหลเวียนรอบสิ่งของนั้น ถ้าคุณมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่ชัดเจน และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่สิ่งของที่มีพลังงานไหลเวียนอย่างราบรื่นเช่นนี้ คุณจะมีชีวิตที่มีความสุข เบิกบาน และราบรื่น

เช่นเดียวกัน ในทางตรงกันข้าม สิ่งใดที่ถูกละเลย ถูกลืม ไม่เป็นที่ต้องการ ไม่เป็นที่รัก และไม่มีคนนำไปใช้ จะทำให้พลังงานในบ้านของคุณไหลเวียนช้าลงและหยุดนิ่ง ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกว่า ชีวิตของคุณติดแหง็กไม่ไปไหน

คุณและสิ่งของทุกอย่างที่คุณเป็นเจ้าของ จะเชื่อมโยงกันด้วยเส้นด้ายพลังงานบาง ๆ เมื่อบ้านของคุณมีแต่สิ่งที่คุณรัก หรือสิ่งที่คุณใช้เป็นประจำ มันจะช่วยส่งเสริมและหล่อเลี้ยงชีวิตคุณได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ในทางตรงกันข้าม ความรกรุงรังจะฉุดรั้งพลังงานไว้ ยิ่งคุณเก็บมันไว้นานเท่าไร มันจะยิ่งส่งผลต่อคุณมากเท่านั้น เมื่อคุณกำจัดทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่มีความหมายและความสำคัญใด ๆ ต่อคุณออกไป คุณจะรู้สึกทันทีว่า ทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณของคุณนั้นเบาสบาย



สิ่งที่ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย
ข้อนี้ขอมอบให้คนมักง่ายสุดขั้ว และคนที่ไม่มีวันมีระเบียบ แม้คุณจะกำจัดสิ่งของจนเหลือเพียงสิ่งที่คุณใช้และรัก บ้านของคุณก็จะยังคงรกรุงรัง ถ้าของเหล่านั้นกระจัดกระจายไม่เป็นที่ ซึ่งมักทำให้คุณหาของไม่เจอเมื่อต้องการ คุณอาจจะเถียงเหมือนที่คนมักง่ายส่วนมากชอบเถียง ว่าแม้จะรกก็ยังมีความเป็นระเบียบอยู่

นอกจากนั้น คุณอาจบอกว่าต้องวางของไว้ในที่ที่มองเห็นได้ง่าย เพื่อเตือนตัวเองว่ามีเรื่องสำคัญใดที่ต้องทำบ้าง แต่ถ้ามีคนทดสอบคุณ โดยถามว่าของชิ้นนั้นอยู่ที่ไหน อย่างดีที่สุดคุณจะบอกได้แค่ตำแหน่งคร่าว ๆ โดยแทบไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนเลย

ชีวิตของเราจะดำเนินได้อย่างราบรื่นขึ้น ถ้าเรารู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน อย่างเช่น ลองนึกถึงเตียงนอนของคุณดู

พลังงานที่เชื่อมโยงคุณกับเตียงเด่นชัดมาก นอกเสียจากว่า คุณจะเป็นพวกอยู่ไม่เป็นที่ คุณจะรู้ว่าเตียงอยู่ที่ไหนอย่างชัดเจน และนึกภาพมันได้เพียงเสี้ยววินาที คราวนี้ลองนึกถึงกุญแจบ้านดู คุณรู้หรือเปล่าว่ามันอยู่ตรงไหน คุณต้องพยายามนึกหรือไม่ว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วจดหมายที่คุณต้องตอบล่ะ มันอยู่ไหน

เมื่อสิ่งของของคุณเริ่มปะปนกันจนสับสน เส้นด้ายที่เชื่อมโยงคุณกับมัน จะกลายเป็นเหมือนเส้นสปาเก็ตตี้ที่พันกันยุ่ง สิ่งนี้จะทำให้เกิดความเครียดและความสับสนในชีวิตคุณ แทนที่คุณจะรู้สึกสงบ และจำได้ชัดเจนว่าสิ่งใดอยู่ที่ไหน


ความรกรุงรังประเภทนี้ได้แก่ สิ่งที่ไม่มีที่อยู่อย่างเหมาะสม หรือมีที่ที่เหมาะสมแต่หลงไปปะปนกับสิ่งอื่น มีของหลายอย่างที่ดูเหมือนจู่ ๆ ก็เข้ามาในชีวิตคุณโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจหามัน มีทั้งจดหมายที่เข้ามาอยู่ในตู้จดหมายของคุณอย่างไม่หยุดหย่อน แล้วหลงไปตามซอกหลืบของบ้านได้เองอย่างน่าขนลุก กระดาษแผ่นเล็กแผ่นน้อยที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้แล้วทับถมกัน จนกลายเป็นกองมหึมา ซึ่งไม่ว่าจะพยายามจัดเรียงเท่าไรก็ไม่ยอมหมดไป

นอกจากนี้ยังมีสิ่งของที่ซื้อมาตามอารมณ์ คุณซื้อมันกลับมาบ้านและพูดกับตัวเองว่า "เอาวางไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกัน" และมันก็อยู่ตรงนั้นจริง ๆ มันอาจจะอยู่ที่เดิมเป็นเดือน เป็นปี หรือเป็นสิบ ๆ ปี ดูผิดที่ผิดทาง และแอบรบกวนจิตใจคุณอยู่เนือง ๆ


..แต่ใช่ว่าฉันจะสนับสนุนพวกระเบียบจัดหรอกนะ บ้านที่เป็นระเบียบเรียบร้อยเกินไป ที่ทุกอย่าง "เนี้ยบ" จะมีพลังงานที่แห้งแล้ง และอาจสร้างปัญหาได้พอ ๆ กับบ้านที่รกสุดขั้ว แต่บ้านเป็นตัวแทนของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในใจคุณ ดังนั้นถ้าสภาพภายนอกที่แวดล้อมคุณไม่มีระเบียบ ภายในใจคุณย่อมต้องว้าวุ่นเหมือนกัน เมื่อได้จัดการกับสิ่งแวดล้อมภายนอก สิ่งต่างๆ ภายในก็จะเริ่มเข้าที่เข้าทางเอง



การมีสิ่งของมากเกินไปในที่ที่เล็กเกินไป
บางครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือเรื่องพื้นที่ ชีวิตคุณหรือครอบครัวคุณขยายใหญ่ขึ้น แต่บ้านของคุณยังมีขนาดเท่าเดิม หรือมันอาจไม่ใหญ่พอตั้งแต่แรก คุณคิดวิธีการสร้างพื้นที่สำหรับเก็บของได้ แต่ยิ่งมันรุกล้ำพื้นที่อยู่อาศัยของคุณมากเท่าไร พื้นที่สำหรับให้พลังงานไหลเวียนก็จะยิ่งมีน้อยลง และการจัดการสิ่งต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้น จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น

ความรกรุงรังที่เกิดจากการมีสิ่งของมากเกินไป ในพื้นที่ที่เล็กเกินไป จะทำให้บ้านของคุณรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก คุณเองก็จะรู้สึกอึดอัดและหายใจได้ไม่เต็มที่ (คุณหายใจได้เต็มปอดครั้งสุดท้ายเมื่อไรกัน) และจะรู้สึกว่าติดขัด เมื่อลงมือทำสิ่งใดในชีวิต

ทางแก้ทางเดียวคือ ย้ายไปอยู่ที่ที่ใหญ่กว่า หรือกำจัดสิ่งของออกไปเสียบ้าง ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน คุณจะทึ่ง เมื่อได้รู้ว่ามันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเพียงใด



สิ่งใดก็ตามที่ยังคั่งค้าง
ความรกรุงรังประเภทนี้มองเห็นได้ยากกว่า และเพิกเฉยได้ง่ายกว่าความรกรุงรังประเภทอื่น แต่ผลกระทบของมันนั้นลึกซึ้ง

สิ่งใดก็ตามที่ยังคั่งค้าง ทั้งทางกาย ใจ อารมณ์ และจิตวิญญาณ จะทำให้จิตใจของคุณยุ่งเหยิง

สิ่งที่คุณยังไม่ได้จัดการในบ้าน สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่คุณยังไม่ได้จัดการในชีวิต ซึ่งจะดูดกลืนพลังงานของคุณ ให้หดหายไปเรื่อย ๆ สิ่งที่คุณทำได้มีทั้งซ่อมแซมสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่กวนใจ อย่างลิ้นชักที่พัง เครื่องใช้ที่เสียหาย ท่อน้ำที่รั่วอยู่ตลอด ไปจนถึงงานที่ใหญ่กว่าอย่างการตกแต่งบ้านเสียใหม่ การซ่อมบำรุงระบบทำความร้อน หรือจัดการกับสวนในบ้านที่กลายเป็นป่าไปแล้ว

ยิ่งมีสิ่งที่ยังคั่งค้างมากเท่าใด มันจะยิ่งขัดขวางไม่ให้ชีวิตคุณก้าวไปข้างหน้ามากเท่านั้น

กระดุมที่ต้องเย็บ คนที่คุณต้องโทรหา ความสัมพันธ์ที่คุณต้องปล่อยวางแล้วก้าวต่อไป และเรื่องค้างคาทั้งหลายแหล่ในชีวิตคุณ จะขัดขวางความเจริญก้าวหน้า ถ้าคุณไม่จัดการกับมัน จิตใต้สำนึกของคุณจะเก็บกดเรื่องเหล่านี้ไว้อย่างมิดชิดถ้าคุณต้องการให้มันเป็นอย่างนั้น แต่คุณก็ต้องใช้พลังงานอย่างมากเช่นกัน


หากคุณสะสางเรื่องที่ยังค้างคาทั้งหลายได้เสร็จสิ้น คุณจะทึ่งเมื่อพบว่า พลังในตัวและพลังใจของคุณ เพิ่มขึ้นมากแค่ไหน


บทต่อไป เราจะไปดูว่า ความรกรุงรังประเภทต่าง ๆ ส่งผลต่อชีวิตคุณ ในแบบที่คุณนึกไม่ถึงมาก่อนอย่างไร